Peace Is The Way

เป็นที่ทราบกันดีทั่วโลกว่า วันที่ 21 กันยายนของทุกปี เป็น International Day of Peace หรือวันสันติภาพสากล วันที่ทุกคนจะได้ร่วมกันหยุดเพื่อรำลึกถึงความสงบสุขของโลกและมวลมนุษยชาติ ผู้คนทั้งในระดับบุคคล องค์กรน้อยใหญ่ทั่วโลกต่างจัดกิจกรรมเพื่อการนี้ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ที่มุมหนึ่งของโลกในกรุงเทพฯ สตูดิโอถ่ายภาพเล็กๆชื่อ Studio Temple เลือกที่จะส่งผ่านข้อความแห่งสันติสุขในใจผ่านภาพถ่ายบุคคลต่างสาขาอาชีพ ในแคมเปญ “Peace is The Way” ที่คาดหวังให้เกิดการสื่อสารผ่านภาพถ่าย และข้อความที่จุดประกายให้เกิดสันติสุขง่ายๆ  โดยเริ่มจากภายในจิตใจของเราเอง เพื่อย้ำเตือนให้ผู้คนไม่ละเลยการผ่อนคลายสภาพจิตใจ ความขุ่นมัวทางอารมณ์ และสร้างกำลังใจให้กลับคืนมาอีกครั้ง

“เรารู้สึกว่าภาพรวมของโลกตอนนี้มันหม่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ สถานการณ์ในอัฟกานิสถาน สงคราม โควิด ภาวะโลกร้อน ล้วนทำให้จิตใจของคนเราหม่นหมอง จากการเสพข่าวสารผ่านสื่อและโซเชียลต่างๆ ส่งผลให้เกิดความเครียด เลยมีความคิดที่จะนำเสนอภาพ Visual ที่มัน Lift Up จิตใจคน เพื่อส่งต่อความสุข ส่งความชื่นใจ และความสันติถึงกัน ซึ่งโดยส่วนตัวจริงๆแล้วอยากทำภาพที่ให้พลังบวกแบบนี้มานานแล้ว พอดีน้องที่ออฟฟิศบอกว่าวันที่ 21 กันยายน เป็นวันสันติภาพสากล เราเลยคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ทำโปรเจ็กต์แบบนี้ และเป็นโอกาสเดียวที่จะได้ส่งต่อข้อความแห่งสันติภาพอันนี้ออกไป” พันธ์สิริ สิริเวชชะพันธ์ ช่างภาพแฟชั่นและเจ้าของ Studio Temple บอกกับ alive ถึงที่ว่าที่ไปของโปรเจ็กต์เฉพาะกิจในครั้งนี้

ย้อนกลับไปเมื่อสามปีที่แล้ว Studio Temple ถือกำเนิดขึ้นด้วยความตั้งใจของพันธ์สิริ ที่ต้องการยกระดับการถ่ายภาพพอร์เทรตในเมืองไทย โดยใช้ศักยภาพในอาชีพช่างภาพของตัวเอง เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่โลกได้เปลี่ยนแปลงเข้าสุ่ยุคดิจิตัล ผู้คนก็เลือกที่จะเก็บภาพถ่ายไว้ในไฟล์ ในลิ้งค์ ไปจนถึงในก้อนเมฆ แล้วอาจจะถูกลบเลือนหายไปตามความทรงจำของเจ้าของภาพ และถูกจำกัดด้วยหน่วยความจุของไฟล์ดิจิตัล คุณค่าของภาพถ่ายจึงถูกลดทอนลงไปตามกาลเวลา “เราอยากถ่ายรูปแล้วอัดเป็นภาพถ่ายพอร์เทรตแขวนไว้บนผนัง ให้คนเก็บไว้ดูได้นานๆ เป็นการเก็บความทรงจำที่สวยงามไปตลอดชีวิต”

และในโปรเจ็กต์เฉพาะกิจที่ใช้เวลาเพียงสองสัปดาห์นี้ Studio Temple เลือกที่จะเก็บความทรงจำแห่งความสงบสุขของบุคคล 6 คน ที่ได้ชักชวนมาร่วมเป็นแบบในแคมเปญสื่อสันติภาพครั้งนี้

กฤษดา สุโกศล แคลปป์

กฤษดา สุโกศล แคลปป์

"ความเมตตา"

“คนที่เราดีใจมากๆคนหนึ่ง ที่ได้มาร่วมในโปรเจ็กต์ครั้งนี้ คือพี่น้อย วงพรู (กฤษดา สุโกศล แคลปป์) คือเขาเป็นนักร้อง นักแสดง ที่มีความเป็นศิลปินในตัวเองสูงมาก เรารู้สึกว่าความเป็นศิลปินของพี่น้อยแสดงออกเต็มที่เมื่อเขาได้เพอร์ฟอร์ม เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาได้อยู่บนเวที จะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายและจิตใจของเขาได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว  และเราจะได้สิ่งที่ทรงพลัง เมื่อร่างกายและจิตใจรวมกันเป็นหนึ่งเมื่อนั้นมันคือความสงบสุข เราเลยเลือกถ่ายภาพพี่น้อยขณะเคลื่อนไหว ส่วนข้อความในภาพมาจากการที่ก่อนถ่าย เราได้สอบถามไปว่าถ้าจะต้องเลือกข้อความมาสื่อสาร พี่น้อยจะเลือกคำว่าอะไร เขาเลือกคำว่า ‘ความเมตตา’ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาอยากจะสื่อสารในขณะนี้ เพราะเมื่อทุกคนมีความเมตตาให้แก่กัน สันติก็จะบังเกิด ซึ่งหลังจากทำงานนี้ ทำให้เรารักคำนี้ไปกับเขา”

นท พนายางกูร

"Inner peace is being high on your own supply"

“น้องนทเป็นคนแรกๆที่นึกถึงตอนคิดโปรเจ็กต์นี้ขึ้นมา เราเห็นเขามีโปรเจ็กต์เกี่ยวกับการทำงานศิลปะและดนตรี เวลาที่เขาได้เพอร์ฟอร์ม จะรู้สึกว่าเขาได้แสดงออกเต็มที่ โดยเฉพาะเครื่องดนตรีที่เขาใช้ ซึ่งมีทั้งที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องดนตรีโบราณ ในซาวด์ที่ผสมผสานกันเราสัมผัสได้ถึงความสงบสันติที่ส่งผ่านออกมาทางเสียงดนตรีของเขา เป็นอีกคนที่มีความเป็นศิลปินสูง และมีพลังงานจิตที่เป็นบวก ตอนที่ติดต่อไปน้องนทอยู่ที่เชียงใหม่ ทีมงานก็ตามไปถ่ายกันถึงที่โน่น”

นท พนายางกูร

อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม

อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม

"You cannot find peace by avoiding life"

“จากที่เห็นในอินสตาแกรมส่วนตัวและคุยกันบ่อยๆ อนันดาเป็นคนรักการเดินทาง การผจญภัย ในตอนแรกที่ตกลงว่าจะถ่าย ก็สองจิตสองใจว่าจะถ่ายในสตูดิโอหรือโลเคชั่นดี แต่พอมาคิดๆดูแล้ว ถ้าจะถ่ายอนันดาในสตูดิโอหล่อๆมันก็ไม่น่าจะใช่ เขาควรจะอยู่ในพื้นที่ที่มีสเปซ เป็นพื้นที่ที่อิสระ ได้อยู่กับธรรมชาติซึ่งน่าจะทำให้เขาสงบสุข และเป็นธรรมชาติของตัวเขา เป็นคนสบายๆ ติดดิน เราเลยตัดสินใจถ่ายเอ้าท์ดอร์ โดยไปถ่ายกันที่ทะเล ซึ่งเป็นที่ที่เราจะเข้าถึงและสัมผัสตัวตนของเขาได้ง่าย ตอนที่ไปถึงฝนก็ทำท่าจะตก ไม่มีแดดเลย ก็ค่อยๆถ่ายกันไป จนมีช่วงสั้นๆช่วงหนึ่งที่มีแดดก่อนพระอาทิตย์ตก ทำให้เราได้ภาพที่เป็น magic moment มา และรูปที่เลือกก็เป็นรูปทีเผลอ ที่จงใจน้อยที่สุด มีความเป็นธรรมชาติที่สุด”

แพรี่พาย อมตา จิตตะเสนีย์

"รอยยิ้มไม่ได้แสดงถึงความสุขเพียงอย่างเดียว แต่รอยยิ้มยังแสดงถึงความเข้มแข็งของหัวใจได้ด้วย"

คนทั่วไปอาจจะรู้จักชื่อ แพรี่พาย ในฐานะบิวตี้บล็อกเกอร์ แต่สำหรับพันธ์สิริ เธอเป็นอะไรมากกว่านั้น “แพรี่พายคือคนสุดท้ายที่เราติดต่อให้มาร่วมงานครั้งนี้ คือเข้าไปดูในอินสตาแกรมแล้วรู้สึกเลยว่าใช่ ถูกต้องที่จะอยู่ในโปรเจ็กต์ ด้วยความที่เป็นคนรักธรรมชาติ ดำรงชีวิตด้วยความออร์แกนิก เป็นธรรมชาติ ปลูกสวนผักบนดาดฟ้า และพยายามทำเป็นคอมมูนิตี้เพื่อส่งต่อสิ่งดีๆเหล่านี้ให้กับคนอื่น แล้วเป็นคนที่ทำจริง ตัวเขาเองไปเรียนรู้กับชาวบ้านลุงๆป้าๆเพื่อศึกษาในสิ่งที่ตัวเองสนใจและตั้งใจทำ เราส่งต่อความสุขและธรรมชาติของแพรี่พายโดยเลือกที่จะถ่ายกับพืชผักสวนครัวบนดาดฟ้าของเธอ กับคอนเซ็ปต์ Smiley Sunflowers ที่มาจากรอยยิ้มและสดใสของดอกทานตะวัน”

แพรี่พาย อมตา จิตตะเสนีย์

ซาบีน่า อจิรภา ไมซิงเกอร์

ซาบีน่า อจิรภา ไมซิงเกอร์

"In one lifetime we can be reborn many times"

หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับซาบีน่า ในฐานะนางแบบสาวเปรี้ยวจากรายการ The Face แต่ช่างภาพอย่างพันธ์สิริที่ได้ร่วมงานกับเธอมาแล้วหลายครั้งมองว่า “ซาบีน่าเป็นคนสงบและมีความเย็นอยู่ในใจ จากเท่าที่คุยรู้สึกว่าเป็นคนที่มีพลังงานบวก ชีวิตไม่ได้วุ่นวาย เป็นคนที่ไม่เอาเรื่องรกๆมาใส่สมอง และไม่แสดงออกถึงอะไรที่เป็นลบ อินเนอร์เป็นคนรักความสงบโดยธรรมชาติ และเขาเล่นโยคะ มีความเข้าใจในความสงบของโยคะ เป็นผู้หญิงรักอิสระ ไม่ยึดติด น่าจะชัดเจนในคอนเซ็ปต์ และส่งต่อสันติออกมาได้” ด้วยความชอบในรูปร่างของเธอที่ช่างภาพบอกว่าเห็นแล้วให้แรงบันดาลใจทุกครั้ง ภาพถ่ายของซาบีน่าจึงเป็นการถ่ายทอดความสุขสงบภายในออกมาผ่านการเคลื่อนไหวอย่างอิสระของร่างกายที่สมบูรณ์

เร แม๊คโดแนลด์

"Peace is never too far away"

“เราเห็นว่า เร เป็นคนใช้ชีวิตไปกับการเดินทางท่องเที่ยว ด้วยหน้าที่การงานซึ่งเรทำรายการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว รายการของเขาบอกว่าเขาเป็นคนชอบออกไปหาแรงบันดาลใจจากการเดินทางไปข้างนอก ออกไปเสาะแสวงหาเรื่องราวในชีวิตที่ไม่ได้อยู่แต่ในสังคมแออัดในเมือง เรารู้สึกว่าความสงบสุขของเขาคือการได้เดินทางกลับมาหาลูก ความสุขคือการได้กลับมาอยู่กับครอบครัว ซึ่งก่อนถ่ายภาพเราถามว่า Santuary ของเรคือที่ไหน คำตอบคือบ้านริมคลองที่หัวตะเข้ ซึ่งเขาใช้เป็นที่พักใจหลังจากการเดินทางเพื่อที่จะกลับมาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว เราจึงตกลงไปถ่ายภาพกันที่นี่”

Ray

เร แม๊คโดแนลด์

“ปกติเวลาถ่ายรูป เราจะมีความคาดหวังว่าจะต้องได้รูปแบบนี้ๆ รูปจะต้องออกมาสวยที่สุด แต่กับโปรเจ็กต์นี้ ก่อนถ่ายรูป เราต้องมานั่งดูใจเราว่าสงบพอที่จะสร้างภาพนี้หรือเปล่า ใจเราโลภไหม มีความอยาก หรือขัดเคืองใจอะไรหรือเปล่า ต้องทำใจให้สงบ สันติที่สุดเพื่อที่จะส่งผ่านความรู้สึกดีๆออกไป รูปที่ได้อาจจะไม่ใช่รูปที่สวยที่สุดในแง่ของการถ่ายภาพ แต่เป็นรูปที่สวยที่สุด ณ โมเม้นต์นั้น ไม่คาดหวัง ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ แค่นั้น” พันธ์สิริ สิริเวชชะพันธ์ กล่าวทิ้งท้ายถึงโปรเจ็กต์เล็กๆ ของสตูดิโอถ่ายภาพเล็กๆชื่อเหมือนวัด แต่เต็มไปด้วยความปรารถนาดีอันยิ่งใหญ่ที่ต้องการจะส่งต่อสันติสุขให้กับทุกคน

Begin typing your search term above and press enter to search. Press ESC to cancel.