Books to make you feel alive

alive ชักชวนแขกรับเชิญที่เป็นนักอ่านจากต่างสาขาอาชีพ มาแบ่งปันลิสต์หนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตของแต่ละคน พร้อมบอกเล่าความประทับใจที่มีต่อหนังสือแต่ละเล่ม

ถึงทุกวันนี้โลกทั้งใบจะถูกย่อมาไว้ในมือ แค่ปลายนิ้วคลิกสไลด์ลงไปบนโทรศัพท์มือถือ ข้อมูลความรู้ข่าวสารบันเทิงที่เราต้องการต่างก็พรั่งพรูออกมาให้ได้เสพกันอย่างง่ายดาย แม้แต่วรรณกรรมต่างๆที่เราเคยอ่านกันเป็นเล่มโตๆสมัยเด็ก ทุกวันนี้ก็ยังถูกแปลงเป็นไฟล์ดิจิตัลฝากไว้ในก้อนเมฆ ส่งผ่านข้อความมาทางอากาศหรือสายเคเบิ้ลให้เราได้อ่านกัน แต่ถึงกระนั้น หลายคนก็ยังคงชื่นชอบการอ่านหนังสือเป็นเล่มในรูปแบบเดิมๆอยู่ เพราะนอกจากข้อความและเนื้อสารที่เราเสพเข้าสู่สมองแล้ว รูปเล่ม การออกแบบกราฟิก ตัวหนังสือและรูปภาพบนปก ตลอดจนภาพประกอบภายในเล่ม ต่างก็มีส่วนเร้าประสาทสัมผัสทางตาและใจให้รื่นรมย์ไปกับการกวาดสายตาไปบนหน้ากระดาษทีละตัวอักษร ทั้งกลิ่นหมึกกลิ่นกระดาษก็เป็นเสน่ห์ที่หนังสือดิจิตัลเล่มไหนๆก็ไม่สามารถให้ความรู้สึกนี้ได้ เราลองมาดูรายชื่อหนังสือที่นักอ่านทั้ง 5 ท่านแนะนำกัน

แรงบันดาลใจในวัยเยาว์ ของ นิศารัตน์ สีตะสุวรรณ

นักเขียน และอดีตบรรณาธิการ นิตยสารเที่ยวรอบโลก

หนังสือที่ทำให้ฉันเป็นฉันในวันนี้  ที่จริงมีนับ 10 เล่ม แต่ขอเลือกหนังสือใน “ยุคแรก” ที่ได้อ่านในช่วงเด็ก-พรีทีน ซึ่งถือเป็นพื้นฐานของชีวิตในปัจจุบันมา 5 เล่ม

นิศารัตน์ สีตะสุวรรณ
ม้าแสนรู้ โดย อ.สนิทวงศ์ แปลจาก Black Beauty ของ Anna Sewell

เป็นคำบอกเล่าของม้าตัวหนึ่งตั้งแต่เกิดจนตาย ที่ผ่านประสบการณ์และเรื่องราวต่างๆ ทั้งสุขและทุกข์ แบบม้าๆ ให้ยิ้ม หัวเราะ และเสียน้ำตา เป็นหนังสือปกแข็งเล่มหนาเล่มแรกที่อ่าน จำได้ว่าไปซื้อกับแม่ที่ร้านหนังสือแถววังบูรพา อ่านแล้วอ่านอีกเพราะชอบเรื่องราว และเอามาอ่านใหม่ทุกปิดเทอมสมัยโรงเรียน จนหนังสือหลุด ปกขาด

ชีวิตฉันลูกกระทิง โดย นายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล

หนังสือที่ทำให้รู้จักสัตว์ป่ามากมายและรู้จักที่จะรักธรรมชาติ อ่านแล้วน้ำตาไหลพรากเพราะสงสารลูกกระทิง แต่หลังจากอ่านเล่มนี้ไม่นานก็เริ่มหัดอ่านล่องไพร (น้อย อินทนนท์) ตามด้วยเพชรพระอุมา (พนมเทียน) ที่เต็มไปด้วยการล่าสัตว์ ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้เติบโตมาเป็นสายโหด ทว่าทำให้มีความสนใจเรื่องชีวิตสัตว์ป่า ชอบไปดูสัตว์ และสามารถดูช่อง Discovery ชีวิตสัตว์ได้ต่อเนื่องนานๆ

บ้านเล็กในป่าใหญ่ โดย สุคนธรส แปลจาก Little House on the Prairie ของ Laura Ingalls Wilder

หนังสือชุดบ้านเล็ก อันประกอบด้วย บ้านเล็กในป่าใหญ่ บ้านเล็กในทุ่งกว้าง เด็กชายชาวนา บ้านเล็กริมห้วย ริมทะเลสาบสีเงิน ฤดูหนาวอันแสนนาน และปีทองอันแสนสุข เป็นหนังสือชุด 7 เล่มที่อ่านได้รวดเดียวจบ และทำให้รู้ตัวว่าเป็นนักอ่านทน อ่านไว อ่านทั้งชุดทุกปิดเทอมใหญ่จนจบมหาวิทยาลัย โตมาก็ยังหยิบมาอ่านอยู่เนืองๆ การอ่านหนังสือชุดนี้ทำให้เป็นคนที่มีความรู้รอบตัว สนใจเรื่องราวของต่างประเทศ และอยากรู้เรื่องราวต่างๆ มากขึ้นจนไปค้นไปอ่านเพิ่ม กลายตัวเองเป็นนักค้นข้อมูลในที่สุด

ไฟศิลป์ โดย กิติมา อมรทัต แปลจาก Lust for Life ของ Irving Stone

เรื่องราวชีวิตจิตรกรวินเซนต์ แวนโกะห์ ที่มีสีสันจัดจ้านเหมือนกับรูปวาดของเขา ได้อ่านครั้งแรกเมื่อลงเป็นตอนๆในนิตยสารสตรีสาร พอรวมเล่มแม่ก็ซื้อไว้ให้อ่านกันอีก ซึ่งก็อ่านอีกแค่ 1-2 ครั้ง ไม่ได้อ่านบ่อยๆเหมือนเล่มอื่นๆที่กล่าวมาก่อนหน้า หนังสือเล่มนี้ทำให้เป็นคนที่สนใจเรื่องศิลปะยุโรป และประวัติศาสตร์ศิลป์ แม้จะชอบหนังสือเล่มนี้ แต่จริงๆชอบรูปของเรอนัวร์มากกว่า แต่ก็เหมือนมีความผูกพันแบบ love-hate relationship คือกลายเป็นว่าได้มีโอกาสดูรูปแวนโกะห์ของจริงเยอะมาก ได้ไปสถานที่ต่างๆ ในชีวิตแวนโกะห์หลายที่มาก และมีความฝันอันสูงสุดที่จะอ่านหนังสือรวมจดหมายระหว่างแวนโกะห์กับธีโอ-น้องชายให้สำเร็จ

ต่วยตูนฉบับพิเศษ

จริงๆแล้วต่วยตูนเป็นนิตยสาร เมื่อสมัยหลายสิบปีก่อน จำได้เลาๆว่าเป็นรายปักษ์ ปัจจุบันกลายเป็นรายเดือน ซื้อมาอ่านแล้วก็ขายชั่งกิโลไปโดยซื้อเล่มรวมชุดเฉพาะแต่ละ subject เอาไว้ เป็นหนังสือที่เปิดโลกอันมหัศจรรย์พันลึกของอดีตนับหมื่นนับพันปี และโลกที่กว้างไกลของจักรวาลอันไกลโพ้น อ่านแล้วก็ตื่นตาตื่นใจไปหมด ทำให้เป็นคนที่สนใจเรื่องประวัติศาสตร์และโบราณคดี (รวมทั้งเรื่องลึกลับต่างๆ) ความรู้ที่ได้จากต่วยตูนฉบับพิเศษ ก็มีประโยชน์มากเมื่อมาเป็นคนทำหนังสือท่องเที่ยวและคนเดินทาง

ปรัชญาของโลกแห่งความจริงและจินตนาการ ของ Hans-Werner Müller

ครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์

Hans-Werner Müller
Jonathan Livingston Seagull โดย Richard David Bach

เรื่องราวที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ ปรัชญาการใช้ชีวิต และการเดินทางค้นหาตัวตนเพื่อความหมายของการมีชีวิตอยู่

Die Blechtrommel (The Tin Drum) โดย Günter Grass

นวนิยายเล่มแรกในหนังสือชุดไตรภาค Grass’s Danziger Trilogie (Danzig Trilogy) เรื่องราวของความจริงอันน่าอัศจรรย์ ว่าด้วยการเมืองที่เข้ากับทุกยุคสมัย และจิตใจของมนุษย์ที่สามารถปั่นป่วนโลกใบนี้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเราสามารถพบเห็นสิ่งเหล่านี้ได้รอบตัวในทุกเมื่อเชื่อวัน

Das Parfüm (The Perfume) โดย Patrick Süskind

นวนิยายที่แยบยล เต็มไปด้วยความตึงเครียด กับเรื่องราวที่ค้นลึกลงไปถึงก้นบึ้งแห่งสันดานหยาบและธรรมชาติของความเป็นคน อ่านแล้วลืมไม่ลง

Anne Frank Biographie

การมองโลกผ่านสายตาของเด็กหญิงคนหนึ่ง กับความจริงเกินจินตนาการที่เราจำต้องยอมรับ เรื่องราวของแอนน์ แฟร้งค์ ได้เปลี่ยนมุมมองและการรับรู้ที่มีต่อประสบการณ์ในชีวิตไปอย่างสิ้นเชิง

The Lord of the Rings โดย J.R.R. Tolkien

เรื่องราวของจินตนาการแฟนตาซีสุดแสนมหัศจรรย์ กับการเล่าเรื่องอย่างมีชั้นเชิงและสมบูรณ์แบบในทุกรายละเอียด ทำให้ The Lord of The Rings กลายเป็นนิยายคลาสสิก ก่อนที่จะถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เสียอีก

อารมณ์ขันและการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ของ ปริศร์ อติเรกานนท์

โปรแกรมไดเร็กเตอร์ คลื่นวิทยุ Eazy FM 105.5

ปริศร์ อติเรกานนท์
The Little Prince โดย Antoine de Saint-Exupéry

ตอนอ่านครั้งแรก ก็อ่านเพลินๆ ไม่ได้คิดว่าเรื่องราวแฝงความหมายอะไรมากมาย แต่กลับกลายเป็นหนังสือที่หยิบมาอ่านบ่อยในยามที่ต้องการไอเดียใหม่ๆ หรืออยากทำอะไรให้ดีขึ้น การเดินทางของเจ้าชายน้อยที่มีอิทธิพล​กับตัวเองในแต่ละช่วงเวลาก็แตกต่างกันออกไป ตอนอายุ 14 กับ 40 ก็ไม่เหมือนกัน

The Alchemist โดย Paulo Coelho

เป็นหนังสืออีกเล่มที่ทำให้เห็นว่าเราต้องเปลี่ยนแปลงอะไรให้ชีวิตบ้าง อ่านแล้วเหมือนได้ค้นหาตัวเอง ได้ทบทวน แล้วก็สามารถเข้าใจได้ในแบบที่อ่านสนุกด้วย แตกความคิดต่อๆกันได้ด้วย คนที่มีฝันแบบเราชอบมาก เพราะเมื่อไหร่ที่คิดว่าเราไม่ได้ทำตามฝันเลย The Alchemist และซานติอาโก้ก็เตือนเราว่ายังคงทำได้อยู่

สามเกลอ ชุดวัยหนุ่ม โดย ป. อินทรปาลิต

คิดว่าตัวเองได้รับอิทธิพลในการเขียนและอารมณ์ขันของ ป. อินทรปาลิตในหัสนิยายชุดนี้ค่อนข้างมาก ที่ได้มากกว่านั้นคือ เราได้รู้ว่าคนสมัยก่อนเขากินข้าวร้านอะไร ดูหนังกันที่ไหน มีอะไรเก๋ทันสมัยในกรุงเทพฯ ส่วน พล นิกร กิมหงวน และทุกตัวละครทุกตัวในเรื่องต่างก็มีสเน่ห์แพรวพราว

นิยายของ Agatha Christie

ถ้าให้ระบุเล่มว่าชอบเล่มไหนมากที่สุดในบรรดานิยายของอกาธา คริสตี้ก็คงยาก แต่ถ้าถามอีกทีว่าเล่มไหนที่ทำให้ประทับใจ​ คำตอบ คือ Cat Among the Pigeons เรียกว่าวางไม่ลงของจริง การวางพล็อตเรื่องและสอดแทรกเรื่องราวในสังคมคือจุดเด่น ที่ทำให้เปิดโลกว่าเราชอบนิยายพวก Whodunit แต่อ่านของใครก็ไม่กระเหี้ยนกระหือรือ​อยากรู้ตัวฆาตกรและแรงจูงใจ​เท่างานของคุณหญิง​อกาธา

A Man Called Ove โดย Fredrick Backman

ทั้งเทคนิคการเขียน วิธีการเล่าเรื่อง เนื้อหาที่ต้องการสื่อ Fredrik Backman ใส่ทุกอย่างไว้ในหนังสือเล่มนี้อย่างชวนอ่าน ชีวิตของชายชราคนหนึ่งสอนอะไรเราได้หลายอย่างเกี่ยวกับการทำตัวเองและคนรอบข้างให้มีความสุข​ และความคิดของคนเราก็เปลี่ยนแปลงเพราะคนอื่นได้เสมอ

การรับฟังคนอื่นอย่างเข้าใจ ของ รชต เมธางกูร

TIMO TRUNKS

รชต เมธางกูร
Britt-Marie Was Here (Britt-Marie var här) โดย Fredrik Backman

นวนิยายสวีเดนว่าด้วยเรื่องผู้หญิงคนหนึ่งที่หลายคนอาจจะเรียกว่ามนุษย์ป้า มีความ OCD สูง คลั่งความสะอาดเข้าขั้น เธอเป็นแม่บ้านอยู่ดูแลสามีมาแทบจะตลอดชีวิต จนวันหนึ่ง มีเหตุให้เธอต้องมาใช้ชีวิตด้วยตัวเองในเมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่า Borg เมืองที่ทำให้โลกของเธอเปลี่ยนไป แต่ตัวเธอเองจะรู้หรือไม่ว่า เธอก็ทำให้ผู้คน เมืองนี้ และแม้กระทั่งคนอ่านเปลี่ยนไปเช่นกัน ทั้งหัวเราะ น้ำตาซึม แต่อบอุ่นหัวใจเมื่อได้อ่าน

A Man Called Ove (En man som heter Ove) โดย Fredrik Backman

เรื่องของชายวัยเกษียณ ที่เป็น Grumpy Old Man ของแท้ หน้าตาหงุดหงิด ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ชอบให้ทุกอย่างตรงตามกฎระเบียบเป๊ะ ขยัน ทำงานหนัก ทำให้เขาไม่เข้าใจวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ในโลกปัจจุบันเอาเสียเลย หนังสือเล่าสลับเหตุการณ์ปัจจุบันกับอดีต เพราะฉะนั้น ระหว่างที่เราอ่าน เราก็จะค่อย ๆ เข้าใจเขามากขึ้นจากปูมหลัง สะท้อนการพยายามทำความเข้าใจคนอื่นมาที่ตัวเราคนอ่านอีกที

About a Boy โดย Nick Hornby

หนังสือเล่าเรื่องของนิค หนุ่มเท่วัย 36 ที่ทั้งโสดและรวย ไม่มีภาระ ใช้ชีวิตเฮฮาไปวัน ๆ ที่จับพลัดจับผลูให้ต้องมาเจอกับมาร์คัส หนุ่มน้อยวัย 12 ขวบ ที่ชอบอะไรไม่ค่อยจะเหมือนวัยรุ่นทั่วไป ทำให้เขาไม่ค่อยมีเพื่อน แถมยังต้องดูแลแม่ที่มีแนวโน้มจะฆ่าตัวตายจากการเป็นโรคซึมเศร้าอีกด้วย การพบกันของทั้งคู่ ทำให้ต่างคนต่างได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน เรื่องราวตลกๆทำให้ไม่หนักและเครียดจนเกินไป

หนิ่งงุ้นโน่ Historías de Ninguno โดย Pilar Mateos

วรรณกรรมเยาวชนแปลตรงจากภาษาสเปนที่ค่อนข้างจะแฟนตาซี เล่าเรื่องของเด็กที่ตัวเล็กมากจนคนทั่วไป หรือเพื่อนๆ มองไม่ค่อยเห็น พูดอะไรก็ไม่มีใครฟัง เสมือนว่าเขาไร้ตัวตน เด็กน้อยจึงตั้งชื่อเรียกตัวเองว่าหนิ่งงุ้นโน่ซึ่งแปลว่า ‘ไม่มีใคร’ ไปเสียเลย การผจญภัยในเรื่อง นอกจากจะทำให้เราหันมามองตัวเองเรื่องการรับฟังผู้อื่นแล้ว ยังทำให้เราเห็นแง่ดีของการเป็นคนตัวเล็กๆด้วย

A Christmas Carol โดย Charles Dicken

วรรณกรรมคลาสสิคชื่อดังที่เล่าเรื่องของ Ebenezer Scrooge ชายชราขี้หงุดหงิด ใจแคบ และเห็นแก่ตัวที่เกลียดเทศกาลคริสต์มาสเข้าไส้ แต่ว่าในคืนคริสต์มาสอีฟ วิญญานของเพื่อนสนิทที่จากไปแล้วได้มาหา และเตือนว่าภูติแห่งคริสต์มาส 3 ตน ได้แก่ ภูติแห่งอดีต ภูติแห่งปัจจุบัน และภูติแห่งอนาคต จะมาพบเขาให้ตั้งใจฟังให้ดี ด้วยเรื่องราวที่ได้เจอทั้งหมดในคืนนั้น ทำให้รุ่งเช้าสครูจเปลี่ยนแปลงความคิดตัวเองเสียใหม่ เห็นอกเห็นใจ และแบ่งปันผู้อื่นมากขึ้น

ดนตรี การลงทัณฑ์ และธรรมะ ของจิรดา โยฮารา

วีเจ, พิธีกร และ นักแสดง

จิรดา โยฮารา
อาชญากรรมกับการลงทัณฑ์ (Crime & Punishment) โดย Fyodor Dostoyevsky

รู้จักนักเขียนคนนี้ตอนไปรัสเซีย จากคำบอกเล่าของนักศึกษาชาวไทยที่มาเป็นไกด์ให้ “พระเอกเป็นนักเรียนกฎหมาย แต่จนมาก ดันฆ่าป้าเจ้าของโรงรับจำนำ เพราะป้าเป็นคนหน้าเลือด ปล่อยกู้เงิน ขูดรีดคนจน พระเอกเลยเอาขวานไปฟันป้า แล้วความรู้สึกผิดก็ตามหลอกหลอนพระเอก” ในใจคิด “เท่ว่ะ พล็อตอะไรวะเนี่ย!!!” หลังจากนั้น ทำให้เกดสนใจนักเขียนคนนี้ทันที เพราะแค่รู้สึกว่าเขาเท่ แต่พอกูเกิ้ลดูประวัติเท่านั้นแหละ โอ้โห… เคยอยู่ในขบวนการล้มพระเจ้าซาร์ เกือบโดนตัดคอประหารชีวิต ถูกส่งไปเข้าคุกในไซบีเรีย ตอนอยู่ในคุก แต่งวรรณกรรมมากมาย หนึ่งในเรื่องที่โด่งดังมากและถือว่าเป็นวรรณกรรมเอกของโลกคือเล่มนี้ มันเป็นนวนิยายเชิงปรัชญาและจิตวิทยาพระเอกหมกหมุ่นกับทฤษฎีที่แบ่งมนุษย์ออกเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มกระจอก ซึ่งหมายถึงป้าที่โดนฆ่า และกลุ่มแห่งอภิมนุษย์ หรือผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอำนาจ เปลี่ยนแปลงโลกได้โดยมีนโปเลียนเป็นต้นแบบ บางคนพยายามวิเคราะห์สิ่งที่ Dostoyevsky เขียน แต่สำหรับเกด เกดไม่วิเคราะห์ คิดแค่ว่าเราได้อะไรจากหนังสือเรื่องนี้มากกว่า อ่านจบแล้วรู้สึกว่า บางทีเราก็เป็นเหมือนพระเอกที่ไปตัดสินคนหรือบางทีเราก็เคยเกลียดคนบางประเภท ดีที่ส่วนตัวไม่ค่อยชอบตัดสินใคร เพราะถ้าเราใช้ชีวิตแบบไม่ตัดสินคนอื่นได้เมื่อไหร่ ชีวิตนี้ก็จะไม่มีอะไรมาทำให้เราขุ่นข้องหมองใจได้

ดนตรีแห่งชีวิต โดย สุรพงษ์ บุนนาค

เล่มนี้เป็นหนังสือที่ทำให้ตัวเองฮึดสู้ ขยันซ้อมมากๆเพื่อที่จะเล่น Nocturn ของโชแปงจนจบได้ (แต่แค่ท่อนแรกเท่านั้นนะคะ) อ่านเล่มนี้แล้วทำให้เรารู้สึกว่า ศิลปินคลาสสิกหลายคนชีวิตแสนจะรันทด ลำบาก ฟันฝ่า หิวโหย บางคนที่โชคดีก็ดีไปอย่าง Mozart หรือบางคน ตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าตัวเองดัง ตลกมากที่หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จบ มันมีผลกับการฟังเพลงของตัวเองมาก ไม่ฟังเพลงของศิลปินที่เคยชอบไปเลยเดือนนึง เพราะรู้สึกว่า “อี๋…เพลงพวกเธอใช้เครื่องแต่ง พวกเธอแต่งเพลงตอนมีไฟฟ้าใช้กันแล้วยังได้แค่นี้เองเหรอ” แต่ก็แค่เดือนนิดๆ ก็กลับมาฟัง Pharrell เหมือนเดิม

พินัยกรรมของพุทธทาส โดย พุทธทาสภิกขุ

สำหรับตัวเอง พระพุทธเจ้าคือ “นักปราชญ์” ซึ่งคำสอนที่เข้าถึงง่ายที่สุดและมีประโยชน์สำหรับตัวเอง คือ การไปตามอินสตาแกรมแอคเค้าท์ของท่านพุทธทาส ซึ่งคำสอนอันนึงที่รู้สึกมีผลกับการใช้ชีวิตมากๆ มาจากเล่มนี้คือ “จิตที่ไม่เป็นบวกหรือเป็นลบ คือไม่บ้าเกินไป จนเอียงซ้ายเอียงขวานั้น นั่นแหละ งามพริ้ง มันปรกติ สะอาด อิสระ สงบ มั่นคง ว่องไว ต่อการรู้ความจริงที่ควรจะรู้” ตอนอ่านจบประโยคนี้แล้วร้องอื้อหือ! นึกถึงเวลาเรามีความสุขไง เวลาเราดีใจ เราก็จะโคตรดีใจ แต่บางทีเราก็ลืมไปว่า จริงๆแล้ว ความสุขมันไม่มีอยู่จริงหรอก เพราะเดี๋ยวมันมา แล้วมันก็จะผ่านไป มันไม่ใช่ว่าเรากลายเป็นคนไม่มีความสุขนะคะ มันทำให้เรามีสติมากกว่า

Begin typing your search term above and press enter to search. Press ESC to cancel.